TH | ENG
เกี่ยวกับเรา | สมัครงาน | ติดต่อเรา
บริษัทและบริษัทย่อย (“กลุ่มกิจการ”) ให้ความใส่ใจในความเป็นส่วนตัวของลูกค้า จึงจัดให้มีประกาศความเป็นส่วนตัวนี้เพื่อลูกค้าให้ได้รับทราบถึงนโยบายของบริษัทฯ เกี่ยวกับการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลธรรมดา (“ท่าน”) ซึ่งเป็นไปตามพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ.2562 (“พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล”) กฎหมาย และกฎเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง บริษัทได้ออกประกาศความเป็นส่วนตัวสำหรับผู้สมัครและบุคลากร (Privacy Notice) ฉบับนี้ โดยจัดทำขึ้นเพื่อชี้แจงรายละเอียดและวิธีการจัดการและประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากท่าน รวมถึงชี้แจงวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย และส่งต่อ ตลอดจนระยะเวลาในการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวและสิทธิของท่านในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล รายละเอียดดังต่อไปนี้
ข้อ 1. คำนิยาม
“บริษัท” หมายถึง บริษัท ศักดิ์สยามลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน)
“บริษัทย่อย” หมายถึง บริษัทศักดิ์สยามเมกเกอร์โดรน จำกัด
“ท่าน” หมายถึง ลูกค้า พนักงาน อดีตพนักงาน กรรมการ ผู้บริหาร ผู้ถือหุ้น ผู้สมัครงานและบุคคลอื่นใดที่เกี่ยวข้องกับบุคลากรของบริษัท
“ข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ
“ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว” หมายถึง ข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ ความคิดเห็นทางการเมือง ความเชื่อในลัทธิ ศาสนาหรือปรัชญา พฤติกรรมทางเพศ ประวัติอาชญากรรม ข้อมูลสุขภาพ ความพิการ ข้อมูลสหภาพแรงงาน ข้อมูลพันธุกรรม ข้อมูลชีวภาพ หรือข้อมูลอื่นใดซึ่งกระทบต่อเจ้าของข้อมูลในทำนองเดียวกันตามที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลประกาศกำหนด
“ผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งมีอำนาจหน้าที่ตัดสินใจเกี่ยวกับการเก็บรวบรวม ใช้ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
“ผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง บุคคลหรือนิติบุคคลซึ่งดำเนินการเกี่ยวกับการเก็บ รวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามคำสั่งหรือในนามของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
“กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล” หมายถึง พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 และกฎหมายลำดับรองที่เกี่ยวข้อง และให้หมายความรวมถึงกฎหมายฉบับแก้ไขเพิ่มเติมใด ๆ ในอนาคต
ข้อ 2. ช่องทางและแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน โดยบริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านผ่านช่องทางต่าง ๆ ดังนี้
2.1.ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านให้ไว้กับบริษัทโดยตรง
ท่านอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัทโดยตรง แต่ในบางกรณีบริษัทอาจได้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากแหล่งอื่น ซึ่งบริษัทจะดำเนินการให้เป็นไปตามที่ พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล กำหนดข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากแหล่งอื่น อาจรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลดังต่อไปนี้

ก) ข้อมูลที่บริษัทได้รับจากบริษัทในกลุ่มธุรกิจทางการเงินของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจ และ/หรือ บุคคลอื่นใดที่บริษัทมีนิติสัมพันธ์ด้วย
ข) ข้อมูลที่บริษัทได้รับจากบุคคลที่มีความเกี่ยวเนื่องกับท่าน (เช่น ครอบครัวของท่าน เพื่อน ผู้แนะนำ)
ค) ข้อมูลที่บริษัทได้รับจากลูกค้าองค์กรธุรกิจ ในฐานะที่ท่านเป็นกรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน ตัวแทน ผู้ที่ได้รับมอบหมาย หรือผู้ติดต่อ
ง) ข้อมูลที่บริษัทได้รับจากบริษัทประกัน และ/หรือ บุคคลอื่นใด ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับกรมธรรม์ประกันภัยหรือการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทน
ในกรณีที่ท่านได้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของบุคคลอื่นแก่บริษัทในการทำธุรกรรมกับบริษัทหรือในกรณีอื่นใด ท่านจะต้องแจ้งให้บุคคลดังกล่าวทราบถึงรายละเอียดการเก็บรวบรวม การใช้ และการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิตามประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ด้วย
2.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมจากท่านโดยอัตโนมัติ
บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยอัตโนมัติ เช่น การจัดเก็บข้อมูลบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด (Closed-circuit television: CCTV) การเก็บรวบรวมข้อมูลทางเทคนิค กิจกรรมและรูปแบบการเข้าชม ข้อมูลประวัติการใช้งานเว็บไซต์ (Browsing) ของท่านโดยอัตโนมัติโดยใช้คุกกี้ (Cookies) และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่คล้ายคลึงกัน ทั้งนี้ ท่านสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ “ประกาศเกี่ยวกับการใช้คุกกี้ (Cookies Notice)” ของบริษัท

2.3 ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้รับมาจากบุคคลภายนอก
บริษัทอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมาจากบุคคลภายนอกเป็นครั้งคราว เช่น เว็บไซต์หางาน บริษัทตัวแทนจัดหางานข้อมูลจากบุคคลอ้างอิง เป็นต้น

ข้อ 3. ข้อมูลส่วนบุคคลที่ถูกเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผย
ข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทดำเนินการเก็บรวบรวมภายใต้ประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ แบ่งเป็นข้อมูลส่วนบุคคลของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคลในประเภทดังต่อไปนี้
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับขอบเขตของผลิตภัณฑ์ และ/หรือ บริการที่ท่านอาจเคยใช้หรือสนใจ โดยมีทั้งข้อมูลส่วนบุคคลทั่วไปและข้อมูลส่วนบุคคลอ่อนไหว ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเฉพาะข้อมูลดังต่อไปนี้
3.1 รายละเอียดส่วนบุคคลทั่วไป
- ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ–นามสกุล, เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล วันเดือนปีเกิด อายุ สถานที่เกิด เพศ สถานภาพการสมรส สัญชาติ ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ประวัติการฝึกอบรม ตำแหน่ง สถานที่ทำงาน อัตราค่าจ้าง ส่วนสูง น้ำหนัก รูปถ่าย รวมถึงสำเนาเอกสารประกอบการพิจารณาคัดเลือกผู้สมัคร สำเนาวุฒิการศึกษา สำเนาเอกสารรับรองการผ่านอบรม (ถ้ามี) สำเนาหนังสือรับรองการผ่านงาน หรือสลิปเงินเดือนล่าสุด (ถ้ามี) การประเมินผลการสัมภาษณ์

- ข้อมูลสำหรับติดต่อ เช่น ที่อยู่, หมายเลขโทรศัพท์, อีเมล
- ข้อมูลทางการเงิน เช่น ข้อมูลบัญชีธนาคาร
- ข้อมูลที่ได้จากระบบอัตโนมัติหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น หมายเลข IP Address, Cookie, พฤติกรรมการใช้บริการและแพลตฟอร์มของบริษัท, ประวัติการใช้บริการ, เสียง, ภาพถ่าย, ภาพเคลื่อนไหว, ชื่อบัญชี Social Media, Chat, Geolocation
3.2 รายละเอียดส่วนบุคคลอ่อนไหว
- ข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อชาติ ข้อมูลศาสนา ข้อมูลผู้พิการ ข้อมูลกรุ๊ปเลือด ข้อมูลน้ำหนัก (กก.) ข้อมูลส่วนสูง (ซม.)

- ข้อมูลสุขภาพ
- ข้อมูลลายนิ้วมือ
- ข้อมูลประวัติอาชญากรรม
- ข้อมูลอื่น ๆ เช่น ประวัติส่วนตัว (Resume Curriculum Vitae (CV)) หรือข้อมูลอื่นใดที่ท่านได้มอบให้แก่บริษัท
3.3 ลูกค้าของบริษัทฯ
ลูกค้าบุคคลธรรมดา: ลูกค้าเดิมและลูกค้าปัจจุบันของบริษัท ซึ่งเป็นบุคคลธรรมดา ลูกค้าองค์กรธุรกิจ:กรรมการ ผู้ถือหุ้น ผู้รับประโยชน์ที่แท้จริง พนักงาน ผู้ค้ำประกัน ผู้ให้หลักประกัน และผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายของลูกค้าองค์กรธุรกิจเดิมและปัจจุบัน รวมถึงบุคคลธรรมดาอื่นที่มีอำนาจในการกระทำการแทนลูกค้าองค์กรธุรกิจ ทั้งนี้ บริษัทฯ ขอแนะนำให้ลูกค้าองค์กรธุรกิจของบริษัทฯดำเนินการเพื่อให้มั่นใจว่าบุคคลผู้มีอำนาจกระทำการแทนหรือบุคคลธรรมดาที่เกี่ยวข้องใดๆ รับทราบถึงประกาศนโยบายความเป็นส่วนตัวของบริษัทฯ

3.4 บุคคลที่ไม่ใช่ลูกค้าของบริษัทฯ
บุคคลดังกล่าวรวมถึงบุคคลธรรมดาที่ไม่มีผลิตภัณฑ์หรือบริการกับบริษัท แต่บริษัทอาจมีความจำเป็นต้องเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เช่น ผู้ลงทุน บุคคลที่ได้ชำระหรือโอนเงินให้แก่หรือรับเงินจากลูกค้าของบริษัทฯ บุคคลที่ได้เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันของบริษัท หรือเข้าใช้บริการที่สาขาหรือสำนักงานของบริษัท ผู้ค้ำประกันหรือผู้ให้หลักประกัน ผู้รับผลประโยชน์ที่แท้จริง กรรมการหรือผู้แทนโดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัทที่ใช้บริการของบริษัท ลูกหนี้หรือผู้เช่าของลูกค้าของบริษัท ที่ปรึกษาด้านวิชาชีพ รวมถึงกรรมการ ผู้ลงทุนและผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ และตัวแทนโดยชอบด้วยกฎหมายของบุคคลดังกล่าว และบุคคลใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมกับบริษัทหรือลูกค้าของบริษัท
ทั้งนี้ โปรดทราบว่าลิงก์ที่ปรากฏบนแพลตฟอร์มของบริษัทสามารถนำท่านเข้าสู่แพลตฟอร์มของบุคคลภายนอกได้ ซึ่งหากท่านได้เข้าสู่แพลตฟอร์มของบุคคลภายนอกแล้วการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะเป็นไปตามนโยบายความเป็นส่วนตัวของบุคคลภายนอกนั้นทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้ บริษัทขอแนะนำให้ท่านอ่านและทำความเข้าใจนโยบายความเป็นส่วนตัวของบุคคลภายนอกนั้นเมื่อท่านเข้าใช้แพลตฟอร์มนั้นๆ

3.5 สำหรับผู้สมัครงาน
ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล วันเดือนปีเกิด อายุ สถานที่เกิด เพศ สถานภาพการสมรส เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน สัญชาติ ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ประวัติการฝึกอบรม อัตราค่าจ้าง ส่วนสูง น้ำหนัก รูปถ่าย รวมถึงสำเนาเอกสารประกอบการพิจารณาคัดเลือกผู้สมัคร สำเนาวุฒิการศึกษา สำเนาเอกสารรับรองการผ่านอบรม (ถ้ามี) สำเนาหนังสือรับรองการผ่านงาน หรือสลิปเงินเดือนล่าสุด (ถ้ามี) การประเมินผลการสัมภาษณ์

3.6 สำหรับผู้ค้ำประกันพนักงาน
ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น ที่อยู่ วันเดือนปีเกิด เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน วันที่บัตรหมดอายุ กรุ๊ปเลือด สัญชาติ รูปถ่าย เบอร์โทรศัพท์ อีเมล สถานที่ทำงาน ตำแหน่ง หนังสือรับรองการทำงาน / เงินเดือน สำเนาบัตรข้าราชการ / รัฐวิสาหกิจ

3.7 สำหรับนักศึกษาฝึกงาน
ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ชื่อเล่น รูปถ่าย วันเดือนปีเกิด อายุ ศาสนา เลขที่บัตรประชาชน ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ไลน์ไอดี ประวัติการศึกษา ทรานสคริปต์ เป็นต้นข้อมูลอื่น ๆ เช่น ประวัติส่วนตัว (Resume Curriculum Vitae (CV) หนังสือส่งตัวนักศึกษาฝึกงานจากมหาวิทยาลัย หรือข้อมูลอื่นใดที่ท่านได้มอบให้แก่บริษัท

3.8 สำหรับพนักงานและบุคลากรของบริษัท
3.8.1 ข้อมูลส่วนตัว เช่น ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ วันเดือนปีเกิด อายุ สถานที่เกิด เพศ สถานภาพการสมหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน สัญชาติ ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน อัตราค่าจ้าง ส่วนสูง น้ำหนัก รูปถ่าย สถานภาพทางทหาร
3.8.2 ข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว เช่น ข้อมูลสุขภาพ ข้อมูลลายนิ้วมือ ข้อมูลประวัติอาชญากรรม
3.8.3 ข้อมูลเกี่ยวกับการจ้างงาน เช่น ตำแหน่งงาน สังกัด วันเริ่มงาน วันที่สิ้นสุดสภาพการเป็นพนักงาน รหัสพนักงาน อายุการทำงาน ค่าจ้างและผลตอบแทน ข้อมูลเกี่ยวกับภาษีอากร รายการหักลดหย่อนภาษี การประเมินศักยภาพการทำงาน ประวัติการมาทำงาน การหยุดและการลา การทำงานล่วงเวลา การฝึกอบรม ใบลาออก เหตุผลการลาออก การประเมินผลการทดลองงาน การประเมินผลการปฏิบัติงาน การปรับตำแหน่งงาน การแต่งตั้ง การโยกย้าย การเปลี่ยนตำแหน่งงาน การลงโทษทางวินัย หนังสือรับรองเงินเดือน หนังสืออายัดเงินเดือน
3.8.4 ข้อมูลเกี่ยวกับสวัสดิการและผลประโยชน์ เช่น กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประกันสังคม กองทุนเงินทดแทน ประกันภัยแบบกลุ่ม ใบรับรองแพทย์ การเบิกค่ารักษาพยาบาล ใบเสร็จรับเงิน ใบแจ้งหนี้
3.8.5 เอกสารที่เกี่ยวข้องต่อการบริหารงานทรัพยากรบุคคล เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง (กรณีชาวต่างชาติ) สำเนาใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) สำเนาวีซ่า (VISA) (กรณีชาวต่างชาติ) สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาวุฒิการศึกษา สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล (ถ้ามี) สำเนาเอกสารรับรองการผ่านอบรม (ถ้ามี) สำเนาหนังสือรับรองการผ่านงาน หรือสลิปเงินเดือนล่าสุด (ถ้ามี) สำเนาใบผ่านเกณฑ์ทหาร (สด.8, สด.10) สำเนาใบขับขี่(เฉพาะพนักงานขับรถ) สำเนารายการจดทะเบียนรถยนต์ สำเนาหน้าบัญชีธนาคาร
3.8.6 ข้อมูลอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ข้อมูลการบันทึกภาพผ่านกล้องวงจรปิด (Closed-circuit television: CCTV) รวมถึงทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับท่านเช่น ยานพาหนะ เมื่อท่านเข้าไปในพื้นที่ภายในสถานที่ อาคาร หรือพื้นที่ใด ๆ ของบริษัท ผ่านระบบและอุปกรณ์กล้องวงจรปิด หรือการเก็บข้อมูลภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหวของท่านจากการเข้าร่วมกิจกรรม หรือกรณีที่บริษัทใช้ในการจัดทำข่าวประชาสัมพันธ์บนเว็บไซต์หรือสื่อโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ของบริษัท ข้อมูลพิกัดหรือตำแหน่งในการเช็คอินเวลาเข้างาน ข้อมูลกองทุนให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) หรือข้อมูลอื่น ๆ ที่บุคลากรเคยมอบให้แก่บริษัท เช่น ข้อมูลในใบสมัคร
3.9 สำหรับผู้ถือหุ้น
ข้อมูลส่วนตัว เช่น ประวัติ ชื่อ รูปถ่าย วันเดือนปีเกิด อายุ ศาสนา เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขที่บัตรประชาชน ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ไลน์ไอดี สัญชาติ อาชีพ สถานภาพสมรส หมายเลขหนังสือเดินทาง หมู่โลหิต รูปถ่ายภาพเคลื่อนไหว บัญชีธนาคาร จำนวนหุ้น ลายมือชื่อ
3.10 สำหรับผู้ถูกเสนอเป็นกรรมการบริษัทฯ
ข้อมูลส่วนตัว เช่น ประวัติ ชื่อ รูปถ่าย วันเดือนปีเกิด อายุ ศาสนา เลขประจำตัวผู้เสียภาษี เลขที่บัตรประชาชน ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ อีเมล ไลน์ไอดี สัญชาติ อาชีพ สถานภาพสมรส หมายเลขหนังสือเดินทาง หมู่โลหิต รูปถ่ายภาพเคลื่อนไหว บัญชีธนาคาร จำนวนหุ้น ลายมือชื่อ
3.11 สำหรับบุคคลที่สาม
บริษัทอาจได้รับข้อมูลบุคคลที่สามที่มีความเกี่ยวข้องกับท่าน เช่น ข้อมูลผู้บังคับบัญชาเก่า ข้อมูลคู่สมรส ข้อมูลครอบครัว ข้อมูลบุคคลรู้จักภายในบริษัท ข้อมูลบุคคลติดต่อฉุกเฉิน ข้อมูลบุคคลอ้างอิง อาจารย์ที่ปรึกษา หรือผู้รับผลประโยชน์จากสวัสดิการต่าง ๆ โดยท่านต้องได้รับความยินยอมและแจ้งให้บุคคลเหล่านี้ทราบถึงการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้ก่อนการส่งมอบข้อมูลของบุคคลดังกล่าวให้แก่บริษัท เช่น ชื่อ นามสกุล ข้อมูลติดต่อ สำเนาเอกสารยืนยันตัวตนต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการจัดสรรสวัสดิการของบริษัท
หากในกรณีที่บริษัทมีความจำเป็นต้องจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว (Sensitive Data) บริษัทจะจัดให้มีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เหมาะสมและขอความยินยอมจากท่านก่อนการเก็บรวบรวม เว้นแต่จะมีกฎหมายยกเว้นไม่ต้องขอความยินยอมเอาไว้ เช่น การคุ้มครองแรงงาน ประกันสังคม ป้องกันระงับอันตรายต่อชีวิต ประโยชน์สาธารณะด้านการสาธารณสุข การปฏิบัติตามกฎหมายหรือข้อยกเว้นอื่น ๆ ตามที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ข้อ 4. วัตถุประสงค์และฐานทางกฎหมายในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้ (รวมเรียกว่า “วัตถุประสงค์ที่กำหนด”) และภายใต้ฐานทางกฎหมาย ดังต่อไปนี้
4.1 สำหรับลูกค้าของบริษัทฯ
4.1.1 เพื่อประโยชน์ในการพิจารณาให้สินเชื่อ
4.1.2 เพื่อปฏิบัติตามพันธะหน้าที่ต่าง ๆ ของผู้ควบคุมข้อมูลตามสัญญาหรือเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับการให้สินเชื่อ
4.1.3 เพื่อวัตถุประสงค์ในการดำเนินการภายใน เช่น การตรวจสอบ การวิเคราะห์ข้อมูล การจัดเก็บฐานข้อมูล สำหรับหรือเกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อ การวิจัยตลาด การทำประกันภัย การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย หรือเพื่อประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูลและใช้ข้อมูลเพื่อเสนอสิทธิประโยชน์ตามความสนใจ หรือเพื่อประโยชน์ในการวิเคราะห์และนำเสนอบริการหรือผลิตภัณฑ์ใด ๆ ของผู้ควบคุมข้อมูล และ/หรือ บุคคลที่เป็นตัวแทน หรือมีความเกี่ยวข้องกับผู้ควบคุมข้อมูล และ/หรือบุคคลอื่น
4.1.4 เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง และ/หรือ ประมวลผลการชำระเงินตามข้อกำหนดของสัญญาหรือเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับการให้สินเชื่อ
4.1.5 เพื่ออำนวยความสะดวกหรือดำเนินการตรวจสอบที่จำเป็นตามข้อกำหนดของสัญญาหรือเอกสารต่าง ๆ เกี่ยวกับการให้สินเชื่อ
4.1.6 เพื่อการวิเคราะห์และให้คะแนนเครดิตของลูกหนี้
4.1.7 เพื่อการติดตามและทวงถามให้ลูกหนี้ชำระหนี้
4.1.8 เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจจับ ป้องกัน และดำเนินคดีเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางอาญา
4.1.9 เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลตามที่กฎหมายกำหนด
4.1.10 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
4.1.11 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลก่อนเข้าทำสัญญานั้น
4.1.12 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูล
4.1.13 เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูล หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับผู้ควบคุมข้อมูล
4.1.14 เพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กำหนดไว้ในแบบให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
4.2 สำหรับคู่ค้าหรือบุคคลภายนอก
4.2.1 เพื่อประโยชน์ในการจัดซื้อ/จัดจ้าง ตามหลักเกณฑ์ของผู้ควบคุมข้อมูล
4.2.2 เพื่อประโยชน์ในการจัดทำฐานข้อมูลและใช้ข้อมูลเพื่อการบริหารทรัพยากรภายในองค์กร
4.2.3 เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจจับ ป้องกัน และดำเนินคดีเกี่ยวกับการกระทำความผิดทางอาญา
4.2.4 เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวกับการจัดทำเอกสารประวัติศาสตร์หรือจดหมายเหตุเพื่อประโยชน์สาธารณะ หรือที่เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยหรือสถิติซึ่งได้จัดให้มีมาตรการปกป้องที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของเจ้าของข้อมูลตามที่กฎหมายกำหนด
4.2.5 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล
4.2.6 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งเจ้าของข้อมูลเป็นคู่สัญญาหรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของเจ้าของข้อมูลก่อนเข้าทำสัญญานั้น
4.2.7 เป็นการจำเป็นเพื่อการปฏิบัติหน้าที่ในการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของผู้ควบคุมข้อมูล
4.2.8 เป็นการจำเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของผู้ควบคุมข้อมูล หรือเพื่อปฏิบัติตามกฎหมายหรือกฎระเบียบที่ใช้บังคับกับผู้ควบคุมข้อมูล
4.2.9 เพื่อวัตถุประสงค์อื่นตามที่กำหนดไว้ในแบบให้ความยินยอมในการเก็บรวบรวม ใช้ และเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
4.3 สำหรับผู้สมัครงาน
4.3.1 เพื่อให้บริษัท สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามวัตถุประสงค์ (Contract) เช่น เพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสารเพื่อการนัดหมาย การสัมภาษณ์งาน และวัตถุประสงค์ในการพิจารณาตรวจสอบความเหมาะสมหรือคุณสมบัติของผู้สมัครงานในการจ้างงาน รวมถึงเพื่อวัตถุประสงค์ในการพิจารณาและเสนอตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมอื่น ๆ
4.3.2 เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่เกินขอบเขตที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น การบันทึกภาพวงจรปิด (CCTV) การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครงาน การตรวจสอบเอกสารยืนยันตัวตนของผู้สมัคร เป็นต้นๆ
4.3.3 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (Vital Interest) และประโยชน์ทางด้านสาธารณสุข ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น การติดต่อฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อหรือโรคระบาด
4.3.4 ความยินยอม (Consent) เมื่อบริษัทไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทจะขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน โดยบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว บริษัทจะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดหรือโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เช่น ปัญหาสุขภาพ ข้อมูลการต้องโทษคดีอาญา ข้อมูลผลการตรวจเชื้อโควิค เป็นต้น
4.4 สำหรับผู้ค้ำประกันพนักงาน
4.4.1 เพื่อให้บริษัท สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามวัตถุประสงค์ (Contract) เช่น เมื่อท่านประสงค์ทำสัญญาค้ำประกันฉบับนี้ให้กับบริษัท จําเป็นที่ท่านต้อง ให้ข้อมูลส่วนบุคคลแก่บริษัท เพื่อบริษัทสามารถใช้ข้อมูลของท่านประมวลผลพิจารณาคุณสมบัติของผู้ค้ำประกัน และ เป็นหลักฐานในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้อง หากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว บริษัทไม่อาจพิจารณาการทำสัญญาค้ำประกันกับท่านได้
4.4.2 เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่เกินขอบเขตที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น การบันทึกภาพวงจรปิด (CCTV) บริษัทอาจนําข้อมูลส่วนบุคคล ของท่านไปใช้ในการประมวลผลเพื่อการจัดการและการจัดทำรายงานภายในบริษัท การบริหารจัดการมาตรฐานการ ทำงาน การบริหารจัดการความเสี่ยง การตรวจสอบภายใน อันเป็นกรณีฐานจําเป็นเพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย
4.4.3 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (Vital Interest) และประโยชน์ทางด้านสาธารณสุข ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น การติดต่อฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อหรือโรคระบาด
4.4.4 ความยินยอม (Consent) เมื่อบริษัทไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทจะขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน โดยบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว บริษัทจะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดหรือโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เช่น ปัญหาสุขภาพ ข้อมูลการต้องโทษคดีอาญา ข้อมูลผลการตรวจเชื้อโควิค เป็นต้น
4.5.สำหรับนักศึกษาฝึกงาน
4.5.1 เพื่อให้บริษัท สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามวัตถุประสงค์ (Contract) เช่น เพื่อวัตถุประสงค์ในการติดต่อสื่อสารเพื่อการนัดหมาย การสัมภาษณ์ และวัตถุประสงค์ในการพิจารณาตรวจสอบความเหมาะสมหรือคุณสมบัติของผู้สมัครฝึกงาน การเข้าทำหรือเพื่อปฏิบัติตามสัญญาฝึกงาน การตักเตือนหรือลงโทษทางวินัย
4.5.2 เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่เกินขอบเขตที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น การบันทึกภาพวงจรปิด (CCTV) การตรวจสอบคุณสมบัติของผู้สมัครฝึกงาน การตรวจสอบเอกสารยืนยันตัวตนของผู้สมัคร การบริหารจัดการด้านทรัพยากรบุคคล การเบิกค่าใช้จ่าย การจัดสรรสวัสดิการและผลประโยชน์ การจัดกิจกรรม สัมมนา จัดสิ่งอำนวยความสะดวก การฝึกอบรม เป็นต้น
4.5.3 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (Vital Interest) และประโยชน์ทางด้านสาธารณสุข ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น การติดต่อฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อหรือโรคระบาด
4.5.4 ความยินยอม (Consent) เมื่อบริษัทไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทจะขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน โดยบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว บริษัทจะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดหรือโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน
4.6 สำหรับพนักงานและบุคลากร
4.6.1 เพื่อให้บริษัท สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามวัตถุประสงค์ (Contract) เช่น เป็นการจำเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคำขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้นหรือเพื่อใช้ในการดำเนินธุรกิจของบริษัท ให้ลุล่วงไปได้ด้วยดี อาทิ การจ้างแรงงาน การขึ้นทะเบียนพนักงาน การเข้าทำหนังสือค้ำประกันการทำงาน การฝึกอบรม การประเมินผลการสัมภาษณ์หรือผลการปฏิบัติงาน การบันทึกเวลาทำงาน การลา การจ่ายค่าจ้าง การบริหารจัดการด้านภาษีอากร การตักเตือนหรือลงโทษทางวินัย การออกหนังสือรับรอง การบริหารจัดการสวัสดิการ บริหารจัดการด้านสุขภาพและความปลอดภัย เช่น การตรวจร่างกายประจำปี การฉีดวัคซีน การทำประกันสุขภาพ การบริหารจัดการการลาออก การเกษียณอายุ การเลิกจ้าง เป็นต้น
การใช้และเปิดเผย ชื่อ นามสกุล และข้อมูลส่วนบุคคลที่ปรากฏในสำเนาเอกสารแสดงตัวตนของกรรมการหรือบุคลากร เพื่อยืนยันตัวตนในฐานะผู้มีอำนาจกระทำการแทนบริษัท เฉพาะกรณีการลงนามในสัญญา เอกสาร การจดทะเบียน การมอบอำนาจ รับมอบอำนาจ หรือการทำนิติกรรมใด ๆ ในนามของบริษัท ตลอดจนการใช้และเปิดเผยชื่อของกรรมการหรือบุคลากรในประกาศ แบบฟอร์ม หรือเอกสารอื่น ๆ ของบริษัทในการดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องของบริษัท
4.6.2 เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับ (Legal Obligation) หรือเพื่อการคุ้มครองแรงงาน การประกันสังคม หลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สวัสดิการเกี่ยวกับการรักษาพยาบาลของผู้มีสิทธิตามกฎหมาย เช่น เพื่อการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับบริษัท หรือเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของผู้มีอำนาจตามกฎหมาย อาทิ กฎหมายคุ้มครองแรงงาน กฎหมายแรงงานสัมพันธ์ กฎหมายประกันสังคม กฎหมายความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน กฎหมายภาษีอากร ตลอดจนการอายัดเงินเดือนหรือค่าตอบแทนอื่นใดตามหมายหรือคำสั่งของกรมบังคับคดี การจัดการเรื่องกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) การจัดทำทะเบียนลูกจ้าง การหักชำระภาษี การจัดตั้งคณะกรรมการสวัสดิการแรงงาน การปฏิบัติตามกฎหมายอื่น ๆ หรือการดำเนินคดีตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของบริษัท
4.6.3 เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่เกินขอบเขตที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เช่น การบันทึกภาพวงจรปิด (CCTV) การบริหารจัดการบุคลากร การเบิกค่าใช้จ่าย การจัดสรรสวัสดิการและผลประโยชน์ การเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ การจัดกิจกรรม การจัดสัมมนา จัดสิ่งอำนวยความสะดวก การฝึกอบรมพัฒนาทักษะความรู้ความสามารถ การทำสติกเกอร์จอดรถ เป็นต้น
4.6.4 เป็นการจำเป็นเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย
4.6.5 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (Vital Interest) และประโยชน์ทางด้านสาธารณสุข ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น การติดต่อฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อหรือโรคระบาด
4.6.6 ความยินยอม (Consent) เมื่อบริษัทไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น ทั้งนี้ บริษัทจะขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน โดยบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่าน หรือในกรณีที่บริษัทประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว บริษัทจะดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดหรือโดยได้รับความยินยอมโดยชัดแจ้งจากท่าน เช่น ข้อมูลการตรวจสุขภาพ ข้อมูลชีวภาพ (ลายนิ้วมือ) ประวัติอาชญากรรม
ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทดำเนินการประมวลผลตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดในข้อ 4.1 ข้างต้น ส่วนที่มีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติตามสัญญา การเข้าทำสัญญากับท่าน หรือการปฏิบัติตามกฎหมาย บริษัทมีความจำเป็นต้องประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านซึ่งเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ดังกล่าว โปรดทราบว่าหากท่านไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวแก่บริษัท อาจมีผลกระทบต่อการปฏิบัติตามกฎหมาย หรือบริษัทอาจไม่สามารถให้บริการ หรือปฏิบัติหน้าที่ภายใต้สัญญาที่ได้เข้าทำกับท่าน หรือไม่สามารถเข้าทำสัญญากับท่านได้ (แล้วแต่กรณี)
ในกรณีที่บริษัท จะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในวัตถุประสงค์ที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น บริษัทจะจัดให้มีประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) เพิ่มเติม เพื่ออธิบายการใช้ข้อมูลในวัตถุประสงค์ดังกล่าวและแจ้งให้ท่านทราบก่อน
4.7 สำหรับผู้ถือหุ้น และกรรมการบริษัทฯ
4.7.1 เพื่อให้บริษัท สามารถดำเนินธุรกิจได้ตามวัตถุประสงค์ (Contract) เป็นการจําเป็นเพื่อปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญากับบริษัท หรือเพื่อใช้ในการดำเนินการตามคําขอของท่านก่อนเข้าทำสัญญานั้น
4.7.2 เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องหรือใช้บังคับ (Legal Obligation) เพื่อปฏิบัติตามกฎหมาย เช่น การบริหารจัดการบริษัท (เช่น การเริ่มก่อตั้ง การเพิ่มทุน ลดทุน การปรับโครงสร้างกิจการการเปลี่ยนแปลงรายการจดทะเบียน) การประชุมผู้ถือหุ้น การสรรหาและเป็นกรรมการบริษัท การประชุมคณะกรรมการบริษัท การจัดการเกี่ยวกับสิทธิและหน้าที่ของผู้ถือหุ้นหรือการจ่ายเงินปันผล การจัดทำบัญชีและรายงานการตรวจสอบเอกสารตามกฎหมาย การจัดส่งเอกสารหรือหนังสือต่างๆ รวมถึงหน้าที่ตามกฎหมายต่างๆ ของการเป็น บริษัทมหาชนจํากัด หรือบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
4.7.3 เพื่อการดำเนินงานที่จำเป็นภายใต้ประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย โดยไม่เกินขอบเขตที่เจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล สามารถคาดหมายได้อย่างสมเหตุสมผล (Legitimate Interest) เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายของบริษัท หรือของบุคคลอื่น เช่น การบริหารจัดการบริษัทการบันทึกภาพหรือเสียงการประชุม การรักษาความปลอดภัย การจัดกิจกรรม หรือการส่งข่าวสารหรือข้อเสนอใดๆ เพื่อประโยชน์ของผู้ถือหุ้น หรือกรรมการ รวมถึงเพื่อใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย
4.7.4 เพื่อป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล (Vital Interest) และประโยชน์ทางด้านสาธารณสุข ป้องกันหรือระงับอันตรายต่อชีวิตร่างกาย หรือสุขภาพของบุคคล เช่น การติดต่อฉุกเฉิน การควบคุมและป้องกันโรคติดต่อหรือโรคระบาด
4.7.5 ความยินยอม (Consent) ความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัท เมื่อไม่สามารถอาศัยข้อยกเว้นหรืออ้างอิงฐานทางกฎหมายตามกรณีที่ระบุข้างต้น หรือตามกรณีที่ระบุในตารางล่างนี้ทั้งนี้หากบริษัทขอความยินยอมเป็นการเฉพาะจากท่าน สำหรับข้อมูล ส่วนบุคคลใดๆ บริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวตามวัตถุประสงค์ที่ได้แจ้งและที่ได้รับความยินยอมจากท่าน และบริษัทจะประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ ที่เป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่มีความอ่อนไหว ในกรณีที่บริษัทสามารถทำได้ตามกฎหมายหรือโดยได้รับความยินยอมอย่างชัดแจ้งจากท่านแล้ว
ข้อ 5. สิทธิตามกฎหมายของท่าน
พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่ในความควบคุมของท่านได้มากขึ้น โดยท่านสามารถใช้สิทธิของท่านตามพรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ ตามช่องทางที่บริษัทกำหนด
5.1 สิทธิในการเข้าถึงและขอรับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิเข้าถึงและได้รับสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่บริษัทมีอยู่ เว้นแต่กรณีที่บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำขอของท่านตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล หรือกรณีที่คำขอของท่านจะมีผลกระทบที่อาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อสิทธิและเสรีภาพของบุคคลอื่น

5.2 สิทธิในการขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัททำการแก้ไข หรือปรับปรุงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน

5.3 สิทธิในการขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทลบหรือทำลายข้อมูลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลของท่านเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนของท่านได้ เว้นแต่กรณีที่บริษัทจะมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายในการปฏิเสธคำขอของท่าน

5.4 สิทธิในการขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในบางกรณี (เช่น บริษัทอยู่ระหว่างการตรวจสอบคำขอใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือท่านขอให้บริษัทระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลแทนการลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลที่ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป เนื่องจากท่านมีความจำเป็นต้องขอให้บริษัทเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้เพื่อใช้ในการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย หรือการยกขึ้นต่อสู้สิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย)

5.5 สิทธิในการคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทดำเนินการภายใต้ฐานประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง เว้นแต่กรณีที่ธนาคารมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย (เช่น บริษัทสามารถแสดงให้เห็นว่าการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านมีเหตุอันชอบด้วยกฎหมายยิ่งกว่า หรือเพื่อการก่อตั้งสิทธิเรียกร้องตามกฎหมาย การปฏิบัติตามหรือการใช้สิทธิเรียกร้องทางกฎหมาย หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท)

5.6 สิทธิในการขอรับหรือขอให้ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
ท่านมีสิทธิขอรับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในกรณีที่บริษัทสามารถทำให้ข้อมูลนั้นอยู่ในรูปแบบที่สามารถอ่านหรือใช้งานได้โดยทั่วไปด้วยเครื่องมือหรืออุปกรณ์ที่ทำงานได้โดยอัตโนมัติและสามารถใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลได้ด้วยวิธีการอัตโนมัติ รวมทั้งมีสิทธิขอให้บริษัทส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลภายนอก หรือขอรับข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทได้ส่งหรือโอนไปยังบุคคลภายนอก เว้นแต่บริษัทไม่สามารถทำได้โดยสภาพทางเทคนิค หรือบริษัทมีเหตุในการปฏิเสธคำขอของท่านโดยชอบด้วยกฎหมาย

5.7 สิทธิในการขอถอนความยินยอม
ท่านมีสิทธิขอถอนความยินยอมที่ท่านได้ให้ไว้กับบริษัทเมื่อใดก็ได้ ตามขั้นตอนและวิธีการที่บริษัทกำหนด เว้นแต่โดยสภาพไม่สามารถถอนความยินยอมได้ ทั้งนี้ การถอนความยินยอมของท่านจะไม่ส่งผลกระทบต่อการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ได้ให้ความยินยอมไปแล้วโดยชอบ ก่อนการถอนความยินยอมดังกล่าว
ท่านสามารถตรวจสอบและเปลี่ยนแปลงการให้ความยินยอมในการใช้หรือการเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อวัตถุประสงค์ทางการตลาดได้ผ่านช่องทางการใช้สิทธิตามที่ระบุในข้อ 10 ด้านล่าง หรือผ่านช่องทาง dpo@saksiam.co.th หรือช่องทางอื่นที่บริษัทกำหนดในภายหน้า

5.8 สิทธิในการร้องเรียน
ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หากบริษัทกระทำการอันเป็นการไม่ปฏิบัติตามพรบ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อ 6. การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัท อาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ภายใต้วัตถุประสงค์ที่กำหนดและตามหลักเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด ให้แก่หน่วยงานและบุคคลดังต่อไปนี้
6.1 หน่วยงานภายใน อาทิ เจ้าหน้าที่กลุ่มทรัพยากรบุคคล ผู้บริหาร ผู้บังคับบัญชา ฝ่ายบัญชี ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ
6.2 หน่วยงานของรัฐ หน่วยงานที่มีหน้าที่กำกับดูแลตามกฎหมาย อาทิ สำนักงานประกันสังคม กรมสรรพากร กระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมบังคับคดี กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน ธนาคาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน หรือหน่วยงานที่อาจขอให้เปิดเผยข้อมูลโดยอาศัยอำนาจตามกฎหมาย เช่น สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมสอบสวนคดีพิเศษ สำนักงานอัยการสูงสุด และศาล
6.3 หน่วยงานอื่น อาทิ สถาบันฝึกอบรมภายนอก โรงพยาบาล บริษัทประกัน (สำหรับสวัสดิการของบริษัท) ผู้ตรวจสอบภายนอก ลูกค้า หรือหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ในกรณีที่บริษัท เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้กับบุคคลอื่น บริษัทจะจัดให้มีมาตรการที่เหมาะสมเพื่อคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ได้เปิดเผยและเพื่อปฏิบัติตามมาตรฐานและหน้าที่การคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด
ในกรณีที่บริษัท ส่งหรือโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปต่างประเทศ บริษัท จะดำเนินการเพื่อทำให้แน่ใจว่าบริษัท ได้ส่งหรือโอนไปยังประเทศปลายทาง องค์กรระหว่างประเทศ หรือผู้รับข้อมูลในต่างประเทศที่มีมาตรฐานในการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เพียงพอ ในบางกรณี บริษัทอาจขอความยินยอมของท่านสำหรับการถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังต่างประเทศ ทั้งนี้ ตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด

ข้อ 7. ระยะเวลาเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อบรรลุวัตถุประสงค์หรือตามระยะเวลา ที่กฎหมายกำหนดดังต่อไปนี้ และภายหลังจากพ้นกำหนดระยะเวลาดังกล่าว บริษัทจะดำเนินการลบ ทำลาย ข้อมูลดังกล่าว
7.1 ข้อมูลผู้สมัครที่ไม่ได้รับคัดเลือก บริษัทจะจัดเก็บไว้เป็นระยะเวลา 1 ปีหลังจากการพิจารณาคัดเลือกเสร็จสิ้น
7.2 ข้อมูลพนักงานและบุคลากร บริษัทจะจัดเก็บข้อมูลของท่านไว้ตลอดระยะเวลาของสัญญาจ้างแรงงาน และจัดเก็บต่อเป็นระยะเวลา 5 ปี นับจากวันที่พ้นสภาพการเป็นพนักงานหรือบุคลากรของบริษัท หรือตามระยะเวลาที่กฎหมายอื่นกำหนด หรือจัดเก็บต่อเพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจสอบกรณีเกิดข้อพิพาทซึ่งอยู่ภายในอายุความตามกฎหมาย 10 ปี
ข้อ 8. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล
บริษัทได้เลือกใช้ระบบการจัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลที่มีกลไกและเทคนิคที่เหมาะสม และมีมาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งจำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเฉพาะพนักงาน ลูกจ้าง ของบริษัทที่เกี่ยวข้อง เพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้ เปิดเผย ทำลาย หรือเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต
ข้อ 9. สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
ในฐานะเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิดังต่อไปนี้ ภายใต้หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขตามที่กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกำหนด ทั้งนี้ หากท่านประสงค์ที่จะขอใช้สิทธิของท่าน ท่านสามารถขอใช้สิทธิผ่าน “แบบคำร้องขอใช้สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล (Data Subject Right Request Form)” โดยท่านสามารถติดต่อบริษัทตามข้อมูลติดต่อข้อ 10
9.1 สิทธิขอเพิกถอนความยินยอม หากท่านได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล (ไม่ว่าจะเป็นความยินยอมที่เจ้าของข้อมูลให้ไว้ก่อนวันที่กฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลใช้บังคับหรือหลังจากนั้น) ท่านมีสิทธิที่จะถอนความยินยอมเมื่อใดก็ได้ตลอดระยะเวลาที่ข้อมูลส่วนบุคคลอยู่กับบริษัท เว้นแต่มีข้อจำกัดสิทธินั้นโดยกฎหมายหรือมีสัญญาที่ให้ประโยชน์แก่ท่านอยู่ โดยบริษัทจะแจ้งถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการถอนความยินยอมดังกล่าวให้ท่านทราบ
9.2 สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอเข้าถึงหรือขอรับสำเนาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลของตนที่อยู่ในความรับผิดชอบของบริษัทรวมถึงขอให้บริษัทเปิดเผยถึงการได้มาซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอม ทั้งนี้บริษัทมีสิทธิปฏิเสธคำร้องขอ หากการเข้าถึงหรือขอรับสำเนานั้นส่งผลกระทบต่อสิทธิเสรีภาพของบุคคลอื่น หรือกรณีที่ท่านไม่มีสิทธิเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าว
9.3 สิทธิขอโอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอให้บริษัทโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลอื่น
9.4 สิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ เปิดเผย ข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลในเวลาใดก็ได้ หากเป็นข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการตลาดแบบตรง หรือเพื่อวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ สถิติ ทั้งนี้บริษัทสามารถปฏิเสธคำร้องขอได้หากเป็นการจำเป็นเพื่อการดำเนินภารกิจเพื่อประโยชน์สาธารณะของบริษัท หรือกรณีที่บริษัทแสดงให้เห็นถึงเหตุอันชอบด้วยกฎหมายสำคัญยิ่งกว่า หรือเพื่อก่อตั้ง การใช้สิทธิเรียกร้อง การปฏิบัติตามกฎหมาย
9.5 สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคล หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หากท่านเชื่อว่าข้อมูลส่วนบุคคลถูกเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือเปิดเผยนั้นไม่ชอบด้วยกฎหมาย หรือเห็นว่าบริษัทไม่มีความจำเป็นในการเก็บรักษาไว้ตามวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือเมื่อเจ้าของข้อมูลได้ใช้สิทธิขอถอนความยินยอมหรือใช้สิทธิขอคัดค้านตามที่แจ้งไว้ข้างต้น ทั้งนี้บริษัทอาจปฏิเสธคำร้องขอดังกล่าวหากข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านร้องขอให้ลบนั้นจำเป็นต้องเก็บรวบรวมตามระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด หรือเป็นข้อมูลที่จำเป็นต่อการดำเนินการของบริษัท
9.6 สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว ในกรณีที่บริษัท อยู่ระหว่างตรวจสอบตามคำร้องขอใช้สิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลหรือขอคัดค้าน หรือกรณีอื่นใดที่บริษัทไม่มีความจำเป็นและต้องลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลแต่ท่านขอให้ระงับการใช้ข้อมูลนั้นแทน
9.7 สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้องหากข้อมูลส่วนบุคคลของท่านนั้นไม่ถูกต้อง ไม่เป็นปัจจุบัน ไม่ครบถ้วนสมบูรณ์ หรือก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
9.8 สิทธิในการยื่นข้อร้องเรียน ในกรณีที่บริษัทมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ท่านมีสิทธิยื่นข้อร้องเรียนต่อสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมาย

ข้อ 10. วิธีการติดต่อ
หากท่านมีคำถามใด ๆ เกี่ยวกับคำประกาศความเป็นส่วนตัวฉบับนี้ ท่านสามารถติดต่อบริษัทได้ โดยใช้รายละเอียดการติดต่อ ดังต่อไปนี้
รายละเอียดผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล
ชื่อ-สกุล : นายพิธักษ์ ทาคำ เจ้าหน้าที่คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (DPO)
ที่อยู่ : เลขที่ 49/47 ถ.เจษฎาบดินทร์ ต.ท่าอิฐ อ.เมืองอุตรดิตถ์ จ.อุตรดิตถ์ 53000
โทรศัพท์ : 088-776-4049
อีเมล : dpo@saksiam.co.th
ข้อ 11. การเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) ฉบับนี้
บริษัท อาจทำการเปลี่ยนแปลงประกาศความเป็นส่วนตัว (Privacy Notice) นี้เป็นครั้งคราว เพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ที่เกี่ยวกับการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน และเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลหรือกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง บริษัท จะแจ้งให้ท่านทราบถึงการแก้ไขเปลี่ยนแปลงที่สำคัญใด ๆ ด้วยช่องทางที่เหมาะสม

เรามีการจัดเก็บคุกกี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานของท่าน ภายใต้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลดังนี้ อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่